เมื่อเวลา 0:58 UTC ของวันที่ 26 ธ.ค. 2547 เกิดสึนามิจากอภิมหาแผ่นดินไหว ความแรง M9.3 เริ่มต้นที่หัวเกาะสุมาตรา ไล่ขึ้นเหนือไป 1,200 กม. ทำให้คนตายไปสองแสนกว่าคน เป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาก และทำให้เกิดสึนามิที่มีความรุนแรง ทำลายล้างสูงที่สุดนับตั้งแต่ภูเขาไฟกรากะตัวระเบิดในปี 2426 แผ่นดินไหวครั้งนั้น รุนแรงกว่าแผ่นดินไหวครั้งใดๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า 25 ปีอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 เท่า
แต่ในเวลาเพียง 44.6 ชั่วโมงหลังจากเกิดสึนามิ 21:36 UTC วันที่ 27 ธ.ค.2547 ดาวเทียมตรวจวัดรังสีแกมมาหลายดวง ตรวจจับการแผ่รังสีแกมมาที่มีความรุนแรงได้จากการระเบิดในอวกาศได้ รังสีแกมมาที่วัดได้ในครั้งนั้น มีความรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยวัดได้มา
การระเบิดของรังสีแกมมาที่ตรวจจับได้ในครั้งนั้น มีความรุนแรงกว่าที่สูงที่สุดที่เคยวัดได้มาถึง 100 เท่า เทียบได้กับแสงจันทร์เต็มดวง แต่ปล่อยพลังงานส่วนใหญ่ออกมาในช่วงความถี่ของรังสีแกมมา รังสีแกมมาที่วัดได้มีลักษณะขึ้นๆ ลงๆ ส่งสัญญาณมาเป็น pulse ทุก 7.5 วินาที เหมือนกับหมุนไฟฉายไปรอบๆ ทุก 7.5 วินาที จะมีแสงกวาดมาเข้าตาเราแล้วก็หายไป อีก 7.5 วินาทีมาใหม่อีก — การระเบิดของรังสีแกมมาที่ตรวจจับได้ในครั้งนั้น ทำให้บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียของโลก “เบี้ยว” ไป รบกวนคลื่นวิทยุในโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “คลื่นยาว” มีรายงานปรากฏในสื่อประมาณเดือน ก.พ.2548 เช่น Space.comBBC NYTimes (ภายหลัง มีการแก้ไขตัวเลขต่างๆ ในข่าว เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น)
รังสีแกมมานี้ นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์คาดว่าเกิดจากการระเบิดของดาวนิวตรอน SGR 1806-20 ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 กม. อยู่ห่างไป 20,000 ถึง 32,000 ปีแสง (ประมาณศูนย์กลางของกาแลกซี่) ปล่อยพลังงานออกมาใน 0.1 วินาที มากกว่าพลังงานที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมาทุกทิศทางในแสนปี SGR 1806-20 หมุนรอบตัวเองทุก 7.5 วินาที ซึ่งตรงกับสัญญาณของการระเบิดของรังสีแกมมา (GRB) ว่ากันจริงๆ การระเบิดของรังสีแกมมาอื่นๆ ที่วัดได้ อาจจะมีความรุนแรงมากกว่านี้ แต่ว่าเพราะมันมาจากกาแลกซี่อื่น ซึ่งอยู่ห่างไกลมาก จึงมี “ความสว่าง” น้อยกว่าการระเบิดจาก SGR 1806-20 ซึ่งมองเห็นด้วยตาเปล่า และเกิดขึ้นภายในกาแลกซี่ทางช้างเผือกนี้เอง
อวกาศมีความปั่นป่วน และไม่ได้ “เรียบร้อย” แบบที่เราเข้าใจกันหรอกครับ เมื่อต้นเดือนที่แล้ว นาซ่าสร้างภาพจำลองของ bubble ซึ่งวัดค่ามาด้วยกล้องโทรทัศน์ที่อยู่ในอวกาศ Fermi จึงสามารถตรวจจับการระเบิดของรังสีแกมมาที่ใจกลางกาแลกซี่ทางช้างเผือกของเราได้ คาดว่าจะเกิดจากการระเบิดของหลุมดำขนาดยักษ์กลางกาแลกซี่ กระจายออกทาง “เหนือ” และ “ใต้” กาแลกซี ข้างละ 25,000 ปีแสง (ซึ่งดวงอาทิตย์ก็อยู่ห่างศูนย์กลางของกาแลกซีในระยะประมาณนั้น เพื่อให้เข้าใจ คลิกลิงก์ bubble ข้างบนดูครับ; ถ้ามีคลื่นจากการระเบิดมาถึงสุริยจักรวาลตอนที่ดวงอาทิตย์โคจรผ่านแกนของกาแลกซี่ละก็ ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ทำอะไรก็คงไม่ไหว ฮี่ฮี่ฮี่)
เวลามีการระเบิดที่รุนแรงมหาศาลอย่างนี้ มันไม่ได้มีแต่รังสีแกมมาหรอกนะครับ เหมือนกับปะทัดยักษ์ระเบิด จะบอกว่ามีแต่คลื่นกระแทก ไม่ให้มีสะเก็ดเลยคงเป็นไปไม่ได้ดังนั้นเมื่อมีการระเบิดอย่างรุนแรง มีทฤษฎีว่าจะมีคลื่นความโน้มถ่วงกระจายออกไปด้วย พร้อมกับรัแกมมาและอื่นๆเป็นไปได้หรือไม่ว่าคลื่นความโน้มถ่วงซึ่งเดินทางด้วยความเร็วแสง จะมาถึงก่อนรังสีแกมมาเล็กน้อย ทำให้แผ่นเปลือกโลกที่มุดกัน (subduction zone) ตรงหัวเกาะสุมาตรา ซึ่งไม่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่มานานและสะสมความเค้นเอาไว้มหาศาล เกิดขยับจนดีดเป็นทางยาว 1,200 กม. เกิดเป็นอภิมหาสึนามินักวิทยาศาสตร์มีห้องปฏิบัติการนานาชาติ LIGO (Laser Interferometer Gravitational-Wave Observatory) เอาไว้วัดคลื่นความโน้มถ่วง แต่โชคไม่ดีที่เมื่อตอนที่เกิดสึนามิ ห้องปฏิบัติการนี้ กำลังปรับปรุงอุปกรณ์วัดอยู่ จึงไม่มีข้อมูลว่ามีคลื่นความโน้มถ่วงเดินทางมาถึงโลกหรือไม่
น.ส.เสาวลักษณ์ วงศ์พิมายคราม เลขที่ 32 ม.5/8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น